เช็คด่วน! อาการโควิดสายพันธุ์ใหม่กลายพันธุ์ เหมือนไข้หวัดธรรมดา หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าไม่เป็นอะไร

กรมควบคุมโรคเตือนภัย โควิด-19 แนะเช็ค อาการโควิดสายพันธุ์ใหม่กลายพันธุ์ ที่กำลังระบาดหนักในประเทศไทย โดยมีลักษณะอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา ส่งผลให้ประชาชนหลายคนละเลยการป้องกันตนเอง เสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่กระจายโรคเพิ่มสูงขึ้น

21 เมษายน 2567 เสียงเตือนภัยดังก้องอีกครั้ง เมื่อสถานการณ์โควิด-19 กลับมาพุ่งสูงขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา สร้างความกังวลให้กับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จนต้องสั่งการให้กรมควบคุมโรคโดย นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค เร่งเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

แม้ปัจจุบัน โควิด-19 จะถูกปรับสถานะเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ แต่จากสถิติที่แสดงให้เห็นถึงจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐมนตรีสาธารณสุขจึงไม่อยากนิ่งนอนใจ สั่งการให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศประเมินสถานการณ์และเตรียมพร้อมรับมือกับการระบาดระลอกใหม่

เช็คด่วน! อาการโควิดสายพันธุ์ใหม่กลายพันธุ์ ช่วงสงกรานต์

สถานการณ์โควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ดูไม่สู้ดี เมื่อตัวเลขผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลพุ่งสูงถึง 1,004 ราย เฉลี่ย 143 รายต่อวัน ข้อมูลนี้สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ว่า จะมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์

พื้นที่ที่พบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น กระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยวหลายแห่ง น่ากังวลยิ่งไปกว่านั้นคือ มีผู้ป่วยอาการรุนแรงปอดอักเสบถึง 292 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 101 ราย และเสียชีวิต 3 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิตทุกกรณีเป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัว

สาเหตุของการระบาดในช่วงนี้ คาดว่ามาจากกิจกรรมทางสังคมที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับประชาชนบางส่วนเริ่มคลายความระมัดระวัง

สาเหตุเบื้องหลังการพุ่งสูงของยอดผู้ป่วยโควิด-19: การวิเคราะห์เชิงลึก

จากข้อมูลล่าสุด พบว่าจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างความกังวลให้กับประชาชน หลายฝ่ายต่างพยายามวิเคราะห์หาสาเหตุเบื้องหลังปรากฏการณ์นี้ บทความนี้มุ่งนำเสนอการวิเคราะห์เชิงลึกถึงปัจจัยที่เป็นไปได้

1. อาการคล้ายหวัด: ภัยร้ายที่ซ่อนอยู่

สาเหตุหนึ่งที่คาดว่าส่งผลต่อจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น คือ ลักษณะ อาการโควิดสายพันธุ์ใหม่กลายพันธุ์ สายพันธุ์ย่อยโอไมครอนรุ่นล่าสุด ที่มักแสดงอาการคล้ายหวัดทั่วไป เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ และน้ำมูก ผู้ป่วยบางรายอาจเข้าใจผิดว่าเป็นหวัดธรรมดา จึงละเลยการป้องกันตนเอง ส่งผลต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

2. ความเข้าใจผิด: โควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่น?

ข่าวโรคระบาด และข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 อาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน บางคนอาจเข้าใจว่า โควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่นที่สามารถพบผู้ป่วยได้ตลอดปี คล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่หรือไข้หวัด ส่งผลให้ประชาชนบางกลุ่มลดการป้องกันตนเองลง เช่น ไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่เว้นระยะห่างทางสังคม และละเลยการล้างมือบ่อยๆ

3. ภูมิคุ้มกันลดลง: เกราะป้องกันที่อ่อนแอลง

เมื่อเวลาผ่านไป ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนหรือการติดเชื้อโควิด-19 ธรรมชาติ ย่อมเสื่อมลง ส่งผลให้ประชาชนมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำมากขึ้น ประกอบกับสายพันธุ์ย่อยโอไมครอนรุ่นล่าสุดมีการแพร่กระจายได้รวดเร็ว ส่งผลต่อจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้น ประชาชนควรตรวจเช็ค อาการโควิดสายพันธุ์ใหม่กลายพันธุ์ เบื้องต้นอย่างสม่ำเสมอ

4. กิจกรรมทางสังคมที่คึกคัก: เชื้อไวรัสฉวยโอกาส

การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคประกอบกับกิจกรรมทางสังคมที่กลับมาคึกคัก ผู้คนเริ่มรวมตัวกันในสถานที่ต่างๆ มากขึ้น เช่น ตลาด ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง ล้วนเป็นช่องทางที่เอื้ออำนวยต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

5. การกลายพันธุ์ของไวรัส: ภัยคุกคามที่พัฒนาไม่หยุดยั้ง

ไวรัส SARS-CoV-2 ยังคงมีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ที่มีการแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว หลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีน และอาจมีความรุนแรงของโรคที่เพิ่มมากขึ้น